Travel Further Lifestyle 5 ข้อควรรู้เมื่อฤดูฝนกำลังมา จะทำให้รถหมดปัญหาเชื้อราต้องจัดการอย่างไร

5 ข้อควรรู้เมื่อฤดูฝนกำลังมา จะทำให้รถหมดปัญหาเชื้อราต้องจัดการอย่างไร


ประกันภัยรถยนต์

คืบคลานเข้ามาสู่ช่วงกลาง ๆ ปี 64 กันแล้ว แต่สถานการณ์ของเจ้าไวรัสร้ายอย่างโควิดก็ยังไม่จางหายไป นับเป็นปัญหาและอุปสรรคใหญ่ในการเดินทางของใครหลายคน ทำให้ช่วงระยะนี้รวมถึงระยะที่ผ่านมาใช้รถน้อยลงจากเดิมมาก หลายคนห่างหายจากการดูแลรถไปมากพอสมควร และบางคนก็อาจเริ่มคิดถึงเรื่องการปรับเรื่องการทำประกันภัยรถยนต์ด้วย เพราะต้อง Work from Home ไม่ค่อยได้ใช้รถ จึงอยากลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้

โควิดยังไม่หมดไป แต่ลมฝนพายุใหม่กำลังจะเข้ามา เพราะในระยะนี้ไทยเราก็เข้าสู่ฤดูฝนกันแล้ว ฝนมาทีไรก็เป็นอุปสรรคกับการใช้รถและสร้างปัญหากับรถเราได้เสมอ แม้จะใช้รถน้อยในช่วงนี้ แต่ปัญหาก็ยังคงมี เพราะรถก็ยังเสี่ยงกับปัญหาเรื่องความชื้นและเชื้อรา แล้วปัญหานี้แย่แค่ไหน ถ้าเกิดขึ้นจะแก้ไขรับมืออย่างไร มาไขคำตอบกัน

สาเหตุของการเกิดเชื้อราในรถ

สาเหตุที่ทำให้รถมีปัญหาเชื้อราแบบนี้ก็มาจากความอับชื้น บางคนเผลอเปิดกระจกรถแง้มเอาไว้ พอฝนตกละอองฝนก็เลยสาดเข้ามา บางคนอาจจะเป็นเพราะขับรถลุยน้ำและมีน้ำซึมเข้ามาในรถ และบางคนอาจเป็นเพราะเสื้อผ้ารองเท้าเปียกฝน แล้วเข้ามานั่งในรถทันที สาเหตุเหล่านี้แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ทำให้เกิดปัญหาความอับชื้นและเชื้อราในรถได้

สิ่งที่ต้องตระหนักก็คือ ปัญหาเชื้อราเหล่านี้อย่ามองว่าเป็นเรื่องเล็ก เพราะเชื้อราเหล่านี้ส่งผลต่อสุขภาพของเราและคนที่โดยสารในรถได้ อย่างเช่นส่งผลต่อเรื่องระบบทางเดินหายใจ อาจทำให้เป็นภูมิใจหรือลุกลามไปเป็นปอดติดเชื้อได้ ถ้าไปสัมผัสโดนก็อาจทำให้เป็นผื่นแพ้หรือมีอาการคันได้ ทางที่ดีจึงควรรีบจัดการในเรื่องนี้ แล้วควรป้องกันหรือจัดการกับปัญหานี้อย่างไรมาดูกัน

1.เช็กความเรียบร้อยหลังจอดรถ

เริ่มต้นจากการป้องกัน หลังจอดรถทุกครั้งให้ตรวจว่าประตูหน้าต่างปิดสนิทแน่นอนแล้วเสมอ

2.การติดอุปกรณ์เสริม

ก็ยังเป็นวิธีในส่วนของการป้องกันอยู่ โดยให้คุณติดคิ้วกันสาดกระจกที่รถเพิ่มเข้าไป การทำเช่นนี้จะช่วยลดปริมาณน้ำฝนที่สาดเข้ามา ซึ่งก็นับว่าเป็นวิธีที่ช่วยลดความชื้นให้กับรถได้เช่นกัน

3.ลงมือจัดการเชื้อรา

บางครั้งเราระวังแล้ว แต่ปัญหาก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้ เหมือนกับการขับขี่ แม้เราจะระวังอย่างดี แต่บางทีอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดก็ยังเกิดขึ้น เราจึงต้องมีประกันภัยรถยนต์เอาไว้เพื่อรับมือกับเหตุการณ์เหล่านี้ ก็เช่นกันกรณีที่ป้องกันไม่ทันเชื้อราเกิดขึ้นแล้ว เราก็ต้องรับมือจัดการเองก่อน โดยก่อนที่จะเริ่มต้นเช็กล้างทำความสะอาดควรเตรียมถุงมือและหน้ากากอนามัยเอาไว้สวมใส่ก่อนเริ่มงาน เพื่อเลี่ยงการสัมผัสเชื้อรา

หลังจากนั้นให้นำน้ำส้มสายชูใส่ขวดฉีด แล้วฉีดพ่นไปบริเวณที่เกิดคราบ ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง จากนั้นใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดคราบต่าง ๆ ออก ในส่วนพรมยาง ก็ให้ใช้น้ำอุ่นผสมผงซักฟอกชะล้าง จากนั้นพึ่งให้แห้ง

4.ให้มืออาชีพจัดการ

ถ้าปัญหาหนักเกินเยียวยา อันนี้ก็คงต้องใช้บริการศูนย์ที่รับซักเบาะและพรมรถยนต์ บางที่มีบริการอบโอโซนฆ่าเชื้อให้ด้วย แม้จะมีค่าใช้จ่ายแต่รับรองว่าสะอาดและดีกว่าแน่นอน

5.เปลี่ยนระบบฟอกอากาศในรถ

หลังจากแก้ไขปัญหาทุกขั้นตอนแล้ว  หากยังรู้สึกไม่มั่นใจก็แนะนำให้เปลี่ยนระบบฟอกอากาศในรถช่วยด้วย แบบนี้ก็จะยิ่งสบายใจว่ารถเราไร้เชื้อราแบบแน่นอน

ข้อมูลทั้งหมดนี้คงเป็นประโยชน์กับคุณได้บ้าง ช่วงนี้เข้าหน้าฝนแล้ว ขับรถและใช้รถอย่างระมัดระวังกันด้วย วิธีที่จะทำให้คุณมั่นใจในการขับขี่ได้มากขึ้นก็คือ การมีประกันภัยรถยนต์ไว้เคียงคู่การเดินทาง หากสนใจประกันดี ๆ ลองเข้าไปดูรายละเอียดที่เว็บของ EasyCompare กันได้ เปรียบเทียบก็ดีแถมซื้อก็ได้ สะดวกและง่ายจริง ๆ